7 ภาพที่ 2. 7 กระบวนการจัดทำแผน ที่มา: นันทพร หาญวิทยสกุล (2551: 90) 3. 2 ขั้นเตรียมการ เป็นขั้นแรกก่อนที่จะทำการวางแผน โดยจะต้องเตรียมการในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 3. 1 จัดหาข้อมูลและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากรรายงานผลการดำเนินแผนงานที่ผ่านม า ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรในทุก ๆ ด้านขององค์การ นโยบายและข้อกำหนดหรือแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สถิติ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค ต่าง ๆ ที่องค์การต้องประสบ 3. 2 การมอบหมายผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผน โดยปกตินิยมมอบหมายให้จัดทำเป็นคณะกรรมการเฉพาะกิจ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานย่อย ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แผนที่จัดทำครอบคลุมนโยบายขององค์การ คณะกรรมการเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นนี้ เมื่อจัดทำแผนเรียบร้อยแล้วก็จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ 3. 3 การกำหนดแนวปฏิบัติในการจัดทำแผน เป็นการกำหนดระยะเวลา ขั้นตอน การจัดทำแผน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ที่กำหนดให้มีในแผน 4. 2 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล เป็นขั้นตอนที่ผู้จัดทำแผนจะต้องนำข้อมูลต่าง ๆ ที่รวบรวมมาทำ การวิเคราะห์เพื่อหาจุดแข็งจุดอ่อน โอกาส ปัญหาและอุปสรรคที่องค์การเป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำข้อมูลที่วิเคราะห์นี้ไปใช้ในการจัดทำแผนให้เหมาะสมและสอดคล้อง ในขั้นวิเคราะห์ข้อมูลนี้เป็นขั้นที่ทำให้ทราบสภาพแวดล้อมภายในองค์การและสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ รวมถึงปัจจัยใดขององค์การที่เอื้อต่อความสำเร็จขององค์การ 4.
1 สภาพแวดล้อมภายในองค์การ ได้แก่ โครงสร้างขององค์การ ทรัพยากรต่าง ๆ ในการจัดการ 4. 2 สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ ได้แก่ สภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี ตลอดจนสภาพภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และการเปลี่ยนแปลงของโลก 4. 3 ขั้นการกำหนดแผน ภายหลังจากที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จขององค์การ แนวนโยบายขององค์การ และสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การแล้ว ในขั้นการกำหนดแผนจะต้องดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 4. 3. 1 การระบุภารกิจ ภารกิจ หมายถึงวัตถุประสงค์เบื้องต้นหรือวัตถุประสงค์พื้นฐานขององค์การ แต่ละองค์กรซึ่งมีความเฉพาะเจาะจง บ่งบอกลักษณะเฉพาะตัวขององค์การ และสามารถวัดความก้าวหน้าในการดำเนินงานขององค์การได้ 4. 2 การกำหนดวัตถุประสงค์หลัก หมายถึง การกำหนดผลงานของแผนให้มี ความชัดเจน มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าการกำหนดภารกิจ สามารถวัดและประเมินผลใน เชิงปริมาณได้ 4. 3 การกำหนดกลยุทธ์ คือ การกำหนดทางเลือกและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติแผนให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยการนำจุดแข็งและจุดอ่อนที่ได้วิเคราะห์แล้วมาประเมินทางเลือกว่าปัจจัยในส่วนใดที่จะทำให้ภารกิจและวัตถุประสงค์ขององค์การบรรลุผลได้ 4.
รัฐประศาสนศาสตร์ ( Political Management): ลักษณะนโยบายสาธารณะที่ดี
MIS ที่ดีควรมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1. MIS ถูกนำไปใช้การตัดสินใจของผู้บริหารทุกระดับ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถเรียกค้นข้อมูลได้รวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับปัญหาแบบมีโครงสร้าง ( Structured Problems) เน้นการแก้ปัญหาที่เกิดกับงานประจำ 2. MIS เป็นระบบงาน ซึ่งผสมผสานข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งหรือระบบย่อยหลาย ๆ ระบบที่มีความสัมพันธ์กันเพื่อจัดทำสารสนเทศเป็นภาพรวมที่สมบูรณ์ของทั้งระบบ 3. การพัฒนาระบบสารสนเทศ จะเริ่มจากความต้องการและความเห็นชอบของผู้บริหารเพื่อจัดเตรียมสารสนเทศให้แก่ผู้บริหารช่วยในการตัดสินใจและบรรลุจุดมุ่งหมายโดยรวมองค์กร 4. MIS จะใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย เนื่องจากข้อมูลในองค์กรหนึ่ง ๆ มีเป็นจำนวนมากและมีความสลับซับซ้อน คอมพิวเตอร์จึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง MIS ให้แก่ผู้บริหาร ใช้ในการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็วและเหมาะสม 5. สารสนเทศนั้นจะถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับพนักงานเครื่องจักร เงินทุนและวัตถุดิบ จุดมุ่งหมายของ MIS คือจัดทำสารสนเทศที่เป็นประโยชน์แก่องค์กรเพื่อใช้ควบคุม การทำงานและการจัดการขององค์กร 6. ทำการจัดเก็บข้อมูลสร้างเป็นฐานข้อมูลเก็บไว้ ซึ่งฐานข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว วัตถุประสงค์คือต้องการจะหลีกเลี่ยงความซับซ้อนของการเก็บข้อมูล 7.