8. เล่าเรื่องราวชีวิตของคุณ สมองของคุณมีแนวโน้มที่จะจดจำคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้มากขึ้นหากคุณใช้คำเหล่านั้นในชีวิตจริง และทำให้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรใช้คำศัพท์ที่เพิ่งได้เรียนแล้วถามตนเองว่า "ฉันจะใช้คำนี้ในสถานการณ์ส่วนตัวได้อย่างไร ฉันคิดว่าจะได้ใช้คำนี้ในบริบทใด" การทำเช่นนี้มีประโยชน์สองประการ ข้อแรก คุณจะรู้สึกว่าการเรียนรู้ของคุณมีประโยชน์ และช่วยให้หลีกเลี่ยงความอึดอัดใจได้ ข้อที่สอง คุณจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพราะครั้งหน้าที่คุณต้องพูดเกี่ยวกับตัวคุณเอง รวมทั้งความทรงจำและประสบการณ์ของคุณ คุณก็จะพร้อมเต็มที่เพราะคุณได้ฝึกฝนมาแล้ว 9.
ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะด้านการเรียนหรือการทำงานก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัววัดผลอยู่เสมอ เนื่องจากภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาหลักที่คนทั่วโลกใช้สื่อสารและมีการสอนทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นๆ ด้วย ถ้าเรารู้ภาษาอังกฤษและสามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ และยังเพิ่มโอกาสในชีวิตอะไรหลายๆ อย่างให้เราด้วยทั้งโอกาสในการหางาน โอกาสในการเรียนต่อต่างประเทศ.. ทีนี้เราก็ทราบกันแล้วว่าภาษาอังกฤษสำคัญขนาดไหน เชื่อว่าทุกคนก็คงอยากจะเก่งภาษาอังกฤษกันบ้าง ทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ? แต่ละคนก็มีวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันไปซึ่งบางคนก็เรียนด้วยตัวเอง เรียนจากการดูหนัง ฟังเพลง ดูสารคดีภาษาอังกฤษหรืออ่านข่าวภาษาอังกฤษ ซึ่งการเรียนด้วยตัวเองแบบนี้ เราต้องมีวินัยมากๆ ต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะการเรียนด้วยตัวเองไม่ได้มีข้อสอบไม่ได้วัดผล ทำให้บางทีเราอาจจะผัดวันประกันพรุ่งไปบ้าง อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครคิดว่าการเรียนด้วยตัวเองไม่น่าจะเวิร์ค เราเลยอยากจะแนะนำอีกวิธีหนึ่งก็คือลองมาสมัครคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ XChange English กันสิ!
ไวยากรณ์ (Grammar) 2. ศัพท์ (Vocabulary) 3. การอ่าน (Reading) 4. การเขียน (Writing) 5. การฟัง (Listening) 6.
ฟังเสียงตัวเองพูดแล้วขอคำติชมจากเจ้าของภาษา ผู้เรียนภาษาอังกฤษบางคนอายและกังวลมากจนถึงกับเลื่อนการฝึกพูดไปเรื่อย ๆ หลังจากที่เรียนมาหลายเดือน นักเรียนเหล่านี้ก็ได้รู้ว่า พวกเขายังไม่เคยได้ยินเสียงตนเองพูดเลยสักครั้ง! เป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะต้องเริ่มฝึกออกเสียงประโยคพื้นฐานตั้งแต่วันแรกออกมาดังๆ ให้คุณฟังตัวเองพูดเพื่อดูว่าภาษาอังกฤษฟังดูเป็นอย่างไรเมื่อคุณพูดออกมา วิธีเริ่มต้นที่ดีคือการอัดเสียงอ่านข้อความง่ายๆ ของตัวคุณเอง ซึ่งจะช่วยคุณได้ถึงสองอย่าง อย่างแรก คุณจะเริ่มรู้สึกสบายใจกับเสียงภาษาอังกฤษที่ออกมาจากปากของคุณ อย่างที่สอง คุณสามารถบันทึกเสียงของคุณเพื่อติดตามความก้าวหน้าของตนเองในอนาคต และดูว่าคุณพัฒนาทักษะภาษาได้อย่างน่าทึ่งขนาดไหน! 7. เรียนรู้ด้วยภาพ การเรียนรู้ด้วยการมองเห็นมีพลังอย่างน่าทึ่งและเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ภาพที่เชื่อมโยงกับคำช่วยให้เราจดจำได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอีกมาก ซึ่งจะช่วยให้พูดได้ง่ายขึ้นด้วย ครั้งหน้าที่คุณอยากจำคำศัพท์ใหม่ ให้ใช้ภาพของคุณเองหรือภาพที่คุณพบใน Google Images เป็นตัวแทนคำศัพท์คำนั้น การเลือกภาพของคุณเองเพื่อใช้ทำแฟลชการ์ดหรือสมุดจดบันทึกเป็นกุญแจสำคัญในการจดจำคำศัพท์เหล่านั้นในอนาคต!
หรือ Mirror: I have a big mirror เป็นต้นค่ะ เห็นมั้ยคะ คุณเองก็แต่งประโยคง่าย ๆ แบบนี้ได้เลย นี่เป็นอีกสิ่งนึงที่เบญทำเองที่บ้านบ่อย ๆ ค่ะ และก็มันทำให้สมองของเบญคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ไวขึ้น เวลาที่ต้องเอามาใช้พูดจริง ๆ อยากให้คุณลองทำแบบนี้ที่บ้านดูนะคะ และมาคอมเม้นบอกเบญด้วยว่าฝึกไปสักพัก มันทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษออกมาได้เร็วขึ้นมั้ย แทนที่จะต้องหยุดคิดไป 2 นาที อาจจะเป็นแค่ 30 วินาทีก็ได้ ลองดูจ้า! วิธีที่ 3 ฝึกพูดจากประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย อย่าไปเชื่อเวลาที่คุณอาจจะอ่านมาจากในเว็บ หรือหนังสือเล่มไหนที่บอกว่าให้คุณฝึกแกรมม่า เรียนแกรมม่า จำแกรมม่า ก่อนที่จะฝึกพูดภาษาอังกฤษเด็ดขาดเลยนะคะ!
ใครที่สนใจ หรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเนื้อหาคอร์สต่างๆ สามารถคลิกเข้าชมเว็บไซต์ ได้เลย ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat
ฝึกฟังน้อยๆ แต่ฟังบ่อยๆ ดีกว่าฝึกฟังนานๆ แต่ไม่บ่อย เพราะฉะนั้นการฝึกฟังวันละ 15 นาทีแต่ฟังทุกวันใน 1 สัปดาห์ ย่อมดีกว่าในสัปดาห์หนึ่งฟังนานถึง 2 ชั่วโมง แต่ฟังครั้งเดียว 7. ลองฟังโดยใช้หูฟัง จะได้ยินสำเนียงชัดขึ้น ช่วยให้ง่ายในการฝึกออกเสียงตาม แต่อย่าเปิดเสียงดังเกินไปนะครับ ฟังนาน ๆ เดี๋ยวจะหูตึง 8. ฝึกฟังพร้อมพูดตาม การฝึกพูดตามจะช่วยสร้างความมั่นใจว่า เราฟังได้ถูกต้อง เพราะถ้าเราฟังได้ถูกต้องเราก็น่าจะพูดได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ การฟังโดยมีภาระที่จะต้องพูดให้ได้ตามที่ฟังจะทำให้เราใส่ใจในการฟังมากขึ้น ไม่ใช่ฟังสักแต่ว่าฟัง 9. ฟังอย่างตั้งใจ ถ้าเราจะอุทิศเวลาวันละ 20 – 30 นาทีเพื่อการฝึกฟังภาษาอังกฤษ ก็ต้องให้ทั้ง 1 ใจไปพร้อมกับ 2 หู ถ้าให้แต่หูไม่ให้ใจฝึกฟังเท่าไร ๆ ก็มักไม่ค่อยได้ผล 10. ฟังด้วยความสุข ถึงยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็ไม่ได้แปลว่าฟังไม่ได้เรื่อง แม้ในระยะแรกๆ อาจจะรู้สึกว่าท้อ แต่เรียนภาษาอังกฤษไม่มีทางลัด คนที่เอาแต่มองหาทางลัดและไม่ค่อยตั้งใจเดินไปตามทางตรงที่มีให้เดิน จะเดินไปถึงปลายทางได้ช้ากว่าคนที่ตั้งใจเดินไปตรงๆเสียอีก ลองทำกันดูนะคะ ฝึกฝนเอาไว้บ่อยๆ ไม่เสียหาย ถ้าใครได้ผลดียังไง หรือมีวิธีอื่นๆ อยากแนะนำ ก็สามารมาแชร์กันได้นะคะ ยินดี ๆ จ้า^^ ข้อมูล,
ซึ่งแน่นอนว่า "ส่วนใหญ่แล้วจะมี" และเราจะรู้วิธีนั้นได้ยังไง?